ทาน หมายถึง การให้ด้วยความบริสุทธิ์ใจไม่หวังผลตอบแทน เมื่อเราให้ทานแม้จะไม่ได้หวังสิ่งใดตอบแทนก็ตาม แต่ก็จะมีบุญเกิดขึ้น และบุญนั้นจะช่วยให้เราสมบูรณ์พร้อมด้วยทรัพย์สมบัติ ถ้าใครปราศจากการให้ทานเกิดมาก็จะยากจน ทำบุญทำทานได้ไม่สะดวกเพราะมัวแต่กังวลเรื่องการทำมาหากิน “ทาน” จึงเป็นพื้นทานของการพัฒนาคุณภาพชีวิตให้มีความเจริญก้าวหน้า ทาน เป็นหนึ่งในบุญกิริยาวัตถุ10 การทำทานจึงเป็นการทำบุญอย่างหนึ่ง แล้ว บุญกิริยาวัตถุ10 คือ 1. ทานมัย – บุญจากการทำทาน คือ การให้ในทุกรูปแบบ 2. สีลมัย – บุญจากการรักษาศีล คือ รักษาศีล 5 เป็นพื้นฐาน 3. ภาวนามัย – บุญจากการเจริญสมาธิภาวนา คือ นั่งสมาธิภาวนา 4. อปจายนมัย – บุญเกิดจากการอ่อนน้อมถ่อมตน คือ ให้เกียรติผู้อื่น 5. เวยยาวัจจมัย – บุญจากการช่วยเหลือการงานที่ถูกที่ควร เช่น การเป็นจิตอาสา 6. ปัตติทานมัย – บุญจากการอุทิศส่วนกุศลให้กับผู้อื่น ทั้งผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่และผู้เสียชีวิต 7. ปัตตานุโมทนามัย – บุญจากการอนุโมทนา คือ แสดงความยินดีกับผู้อื่น 8. ธัมมัสสวนมัย – บุญจากการฟังธรรมในทุกรูปแบบจากพระสงฆ์ 9. ธัมมเทสนามัย – บุญจากการแสดงธรรม คือ รู้แล้วบอกต่อให้ผู้อื่นได้รับรู้ด้วย อาทิเช่น […]
Tag Archives: ทำบุญ
ความหมายของ “วันวิสาขบูชา” หมายถึง การบูชาในวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 วันวิสาขบูชาเป็นวันสำคัญที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธเจ้า 3 ประการ คือ เป็นวันประสูติ ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า และปรินิพพาน ประสูติ เป็นวันประสูติของเจ้าชายสิทธัตถะ ณ ลุมพินีสถาน เมื่อวันเพ็ญเดือน ๖ ตรงกับวันศุกร์ขึ้น ๑๕ ค่ำ ปีจอ ก่อนพุทธศักราช ๘๐ ปี เมื่อพระนางสิริมหามายา พระมเหสีของพระเจ้าสุทโธทนะ แห่งกรุงกบิลพัสดุ์ ทรงพระครรภ์แก่จวนจะประสูติ พระนางได้รับพระบรมราชานุญาต จากพระสวามี ให้แปรพระราชฐานไปประทับ ณ กรุงเทวทหะ ซึ่งเป็นพระนครเดิมของพระนาง เพื่อประสูติในตระกูลของพระนางตามประเพณีนิยมในสมัยนั้น ขณะเสด็จแวะพักผ่อนพระอิริยาบถใต้ต้นสาละ ณ สวนลุมพินีวัน พระนางก็ได้ประสูติพระโอรส ณ ใต้ต้นสาละนั้น ครั้นพระกุมารประสูติได้ ๕ วัน ก็ได้รับการถวายพระนามว่า “สิทธัตถะ” ซึ่งต่อมาพระองค์ได้ออกบวช จนบรรลุอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ (ญาณอันประเสริฐสูงสุด) สำเร็จเป็นพระอรหันต์สัมมาสัมพุทธเจ้า จึงถือว่าวันนี้เป็นวันประสูติของพระพุทธเจ้า ตรัสรู้ เป็นวันที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ อนุตตรสัมโพธิญาณ ณ ร่มพระศรีมหาโพธิบัลลังก์ ริมฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา ตำบลอุรุเวลาเสนานิคม […]
การปิดทององค์พระนั้น ชาวพุทธมีความเชื่อว่าเป็นการสร้างบุญมหากุศลอันยิ่งใหญ่ โดยมีคติความเชื่อว่าผู้ที่ได้มีโอกาสปิดทองพระไม่ว่าจะเกิดภพชาติใดจะมีผิวพรรณผ่องใสงดงาม มีสง่าราศรี เป็นที่ถูกเนื้อต้องใจของผู้ที่พบเห็น ส่วนอานิสงค์ผลบุญที่ให้เห็นในชาตินี้ ในการทำบุญ ทำความดีไว้จะเป็นผลดีกับตัวเองและได้อุทิศส่วนกุศลนั้นแก่ผู้ล่วงลับไปแล้ว นอกจากการทำบุญตักบาตรแล้ว ก็ยังมีการไหว้พระปิดทอง โดยชาวพุทธมีความเชื่อมาช้านานว่า การไหว้พระปิดทองนั้น เป็นคติธรรมมุ่งหมายถึงการได้บูรณะต่อองค์พระพุทธปฏิมา เพื่อผลแห่งอานิสงส์ที่จะให้ผลโดยทันที และยังมีความเชื่ออีกว่าผู้ที่ได้มีโอกาส ปิดทองพระ ไม่ว่าจะเกิดภพชาติใดจะมีผิวพรรณผ่องใสงดงาม บทความนี้ ธาราญา จะบอกปิดทองพระ ตำแหน่งไหนดี ? เผื่อบางคนอาจจะยังไม่ทราบหรือยังสงสัยเวลาไปเข้าวัดทำบุญ จะต้องปิดทององค์พระ แต่ยังคิดไม่ออกว่าจะปิดทองตำแหน่งดี ซึ่งแต่ละจุดก็จะมีความหมายและให้อานิสงส์ผลบุญที่แตกต่างกันออกไป ปิดทองที่พระเศียร (ศีรษะ) มีความเชื่อว่าการปิดทองบริเวณศรีษะของพระพุทธรูปจะทำให้ความจำดี มีสติปัญญาเป็นเลิศ ฉลาดหลักแหลม หัวไว เรียนเก่ง สามารถคิดและวิเคราะห์สิ่งต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี ปิดทองที่พระพักตร์ (ใบหน้า) การปิดทองบริเวณใบหน้าของพระพุทธรูปจะทำให้คุณประสบความสำเร็จในชีวิต มีความเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน ไร้ซึ่งอุปสรรคใด ๆ มาขัดขวาง ทุกสิ่งทุกอย่างราบเรียบราบรื่นไม่มีติดขัด ไม่มีสะดุด ปิดทองที่พระหัตถ์ (มือ) […]
ในปัจจุบันแต่ละประเทศมีความนิยมใช้แสงไฟเป็นเครื่องประดับในแต่ละพื้นที่ต่างๆในเมืองหลวง เพื่อให้เกิดความสวยงาม เกิดแสงสว่างที่ทำให้น่ามองน่าชื่นชม แสงไฟยังมีความจำเป็นในการดำรงชีวิตประจำวันของคนในสมัยใหม่เช่นกัน แสงไฟมีวิวัฒนาการที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วเช่นการพัฒนาออกแบบเป็น โคมไฟLED, หลอดไฟLED, สปอร์ตไลท์LED, และโคมไฟถนนLED แต่ละประเภทมีการใช้งานที่แตกต่างกันไปวิวัฒนาการที่ได้กล่าวมาข้างต้นเป็นสิ่งสำคัญที่สร้างคุณค่าให้แก่แสงไฟ ซึ่งในปัจจุบันมีการใช้ โคมไฟLED หลอดไฟLED สปอร์ตไลท์LED และ โคมไฟถนน เพิ่มมากขึ้น แสงสว่าง เป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมาก หากไม่มีแสงสว่างการจะทำกิจการอะไรก็จะยากลำบาก ดังนั้นการทำบุญถวายโคมไฟให้กับวัดจึงถือเป็นบุญมากอย่างหนึ่ง ในสมัยก่อนที่ยังไม่มีโคมไฟ นิยมถวายเทียน ตะเกียงเพื่อใช้ในการส่องสว่างให้กับพระสงฆ์ เพื่อให้ท่านได้มองเห็นยามทำกิจกรรมต่างๆ แต่ปัจจุบันเมื่อมีกระแสไฟฟ้าเข้ามาแทนที่ จึงนิยมถวายโคมไฟหรือหลอดไฟ ซึ่งก็ถือว่าเป็นการถวายดวงประทีปหรือดวงไฟเช่นเดียวกัน อานิสงค์ของการถวายหลอดไฟ อานิสงส์ของผู้ที่ถวายหลอดไฟ โคมไฟหรือดวงประทีป จะทำให้ผู้นั้นมีชีวิตเจริญรุ่งเรือง ชีวิตไม่ตกอับมืดมน มีผู้คอยอุปถัมภ์ค้ำจุนอยู่เสมอ เมื่อมีปัญหาก็จะพบทางออก เปรียบเสมือนมีสว่างนำทางให้ชีวิตเจริญรุ่งเรือง นอกจากนั้น ยังมีความเชื่อเรื่องการถวายดวงประทีปในพระพุทธศาสนา ความว่า ผู้ที่ทำบุญถวายประทีป เมื่อไปเกิดกี่ภพกี่ชาติก็จะสายตาดี ไม่มีความบกพร่องในการมองเห็น เมื่อจากโลกไปแล้วก็จะไปบังเกิดในวิมานที่สว่างไสว เกิดเป็นเทวดาที่มีรัศมีกายสว่างไสว สามารถเข้าถึงความเป็นเลิศด้านทิพยจักขุ เหมือนพระอนุรุทธเถระ ที่ท่านทำการบูชาด้วยประทีปอันโอฬารที่พระสถูปเจดีย์ ด้วยผลบุญนี้จึงทำให้บรรลุทิพยจัษุญาณสมกับปณิธานที่ตั้งไว้ ส่งผลให้ได้รับอานิสงค์ คือ ทำให้เกิดปัญญา ทั้งชาตินี้และชาติหน้า เปรียบเหมือนแสงสว่างแห่งเทียน ทำให้สว่างไสวรุ่งเรือง ผู้ถวายย่อมทำให้มีความรุ่งเรืองด้วย ลาภ ยศ สรรเสริญ ทำให้คลี่คลายเรื่องราวต่างๆ […]
พญานาค หรือ นาค มีภาษาอังกฤษ คือ King of Nagas ซึ่งเป็นความเชื่อในเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และมีรูปร่างลักษณะเป็นงูใหญ่ ที่มีหงอน ซึ่งจะสื่อถึงความยิ่งใหญ่ มีความอุดมสมบูรณ์ มีวาสนา และยังคงเป็นสัญลักษณ์ของบันไดสายรุ้งสู่จักรวาล โดยลักษณะตามความเชื่อในแต่ละภูมิภาคจะมีความแตกต่างกันไป สีทองและตาสีแดง มีเกล็ดที่ลักษณะเหมือนปลามีหลากสี แตกต่างกันไปตามบารมี บ้างสีเขียว บ้างสีดำ และอาจจะมี 7 สี เหมือนสีของรุ้ง และที่สำคัญคือพญานาค ที่เป็นตระกูลธรรมดาจะมีลักษณะ คือมีเศียรเดียว แต่หากเป็นตระกูลที่สูงกว่าตระกูลธรรมดานั้นจะมีสามเศียร ห้าเศียร เจ็ดเศียร หรือเก้าเศียร พวกนี้จะสืบเชื้อสายมาจาก พญาเศษนาคราช (อนันตนาคราช) ผู้เป็นบัลลังก์ของพระวิษณุนารายณ์ปรมนาท ณ เกษียรสมุทร อนันตนาคราช และผู้คนมีความเชื่อว่า พญานาคจะแปลงร่างเป็นมนุษย์รูปร่างสวยงามได้ เชื่อว่าคนไทยกับการมูเตรูนั้นเป็นของคู่กันมาแต่ช้านาน เริ่มต้นศักราชใหม่แบบนี้ หลายคนคงมีแพลนที่จะไปกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ทุกคนเคารพบูชากันไม่มากก็น้อย “พญานาค” ถือเป็นหนึ่งสิ่งศักด์สิทธิ์ที่หลายคนนับถือและต่างพูดถึงกันอย่างมากในปีนี้ ปี 2565 ปีเสือนี้ เป็นปีที่ควรต้องไปกราบไหว้พญานาค ซึ่งสามารถเป็นที่ไหนก็ได้ที่มีพญานาคหรือเป็นแหล่งที่อยู่ของพญานาค ทั้งนี้เพื่อเรียกความเฮง เสริมความปัง รับทรัพย์รับโชคแบบรัวๆ ทั้งปี […]
ปีชงในภาษาจีน หมายถึง การปะทะ เป็นความเชื่อทางโหราศาสตร์ของจีน มีความเกี่ยวข้องกับองค์เทพไท้ส่วยเอี๊ยหรือภาษาไทย คือ “เทพเจ้าคุ้มครองดวงชะตา” ซึ่งมีพลังที่เป็นอิทธิพลต่อการใช้ชีวิตของมนุษย์ โดยคำว่าปีชงที่บอกว่าเป็นการปะทะนั้น หมายถึงคู่ปีเกิดไม่ถูกกัน ทำให้คนที่เป็นปีชงใน พ.ศ.2565 โชคร้าย ซึ่งปีชงจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง เช่น สุขภาพจิต สุขภาพกาย การงาน การเงิน ปัญหาครอบครัว ปัญหาชีวิตคู่ หรือปัญหาอะไรก็ตามที่เป็นเรื่องบลๆ เรื่องร้ายๆ ดังนั้น การรู้ว่าปีชงใน พ.ศ.2565 มีปีไหนบ้าง ปีไหนชงตรง ปีไหนชงร่วม เลยจะทำให้คุณสามารถเบาใจไปได้บ้างเมื่อได้ทำบุญไหว้พระแก้ปีชง ปีชงตรง-ปีชงร่วม ในแต่ละปีจะมีทั้งปีชงตรง ๆ หรือชง 100% หมายถึงผู้ที่ปะทะโดยตรง ได้รับผลมากที่สุด นอกจากนี้ยังมี ปีชงร่วม ซึ่งแบ่งย่อยอีก 3 ระดับ ได้แก่ ปีคัก คือ ปีที่เป็นปีนักษัตรเดียวกับปีนั้น ๆ (ชงตัวเอง) ปีเฮ้ง คือ ปีที่ได้รับผลกระทบในเรื่องเคราะห์กรรม ปีผั่ว คือ ปีที่ได้รับผลกระทบในเรื่องสุขภาพ ปีชง […]
ภายในช่วงเวลาขึ้นปีใหม่ของจีนนอกจากงานฉลองในช่วงเวลาขึ้นปีใหม่ อีกสิ่งที่อยู่คู่กับสังคมไทยมาช้านานคือ ปีชง หรือปีที่ดวงชะตาของคนเราไม่มงคลแก่ดวงชะตาของเราเอง ก่อให้เกิดเป็นธรรมเนียมการ แก้ชง ที่ต้องมีการไปกราบไหว้ขอพรตามวัดต่างๆ เพื่อผ่อนเรื่องเลวร้ายที่อาจเข้ามาและเกิดขึ้นในชีวิตจากหนักให้เป็นเบา ที่มาและความหมายของคำว่าปีชงกับเทพเจ้าไท้ส่วยเอี้ย ปีชง ตามความหมายจีนคำว่า ชง หมายถึง ชน ส่วนนี้อ้างอิงจากหลักความเชื่อโหราศาสตร์จีน เรื่องปีนักษัตรประจำปี รวมถึงหลักการธาตุทั้ง 5 อย่าง ดิน น้ำ ไฟ ไม้ ทอง ตามหลักคิดของลัทธิเต๋า มารวมกับวันเดือนปีเกิดตามปฏิทินจีนโบราณของแต่ละคน และเทพประจำปีของปีนั้นๆ ว่าส่งเสริมหรือขัดแย้งดวงชะตาของแต่ละคนแค่ไหน เมื่อเกิดการชงหรือดวงชะตาชนกับเทพเจ้าขึ้นจะทำให้ดวงชะตาของคนผู้นั้นตกต่ำ ทำให้ชีวิตเต็มไปด้วยอุปสรรคขวากหนาม เต็มไปด้วยการติดขัด ดำเนินชีวิตอย่างยากลำบาก โรคภัยไข้เจ็บถามหา เคราะห์ร้ายและเภทภัยจะถาโถมมาถึงตัว เป็นเหตุให้ต้องมีการไหว้ปีชงเพื่อผ่อนหนักเป็นเบาส่งเสริมดวงชะตาให้ดีขึ้น หรือที่เราอาจรู้จักกันในชื่อ สะเดาะเคราะห์ นั่นเอง รายละเอียดของปีชงและการแก้ชงจัดว่ามีความซับซ้อนเพราะต้องประเมินจากหลายอย่าง มีรายละเอียดต้องคิดถึงมากมาย ทั้งจากวันเกิด เดือนเกิด ปีเกิด เวลาเกิด หากมีความขัดแย้งกับเทพประจำปีนั้นๆ ก็มีการกราบไหว้เพื่อส่งเสริมดวงชะตา ร้องขอความเมตตา เพื่อผ่อนเรื่องเลวร้ายจากหนักให้เป็นเบา นั่นคือหลักการคิดของสิ่งที่เรียกว่าปีชง เทพเจ้าที่มีความเชื่อมโยงกับแนวคิดของปีชงคือ ไท้ส่วยเอี้ย พูดให้ถูกคือเป็นกลุ่มเทพเจ้าที่มีต้นตอมาจากลัทธิเต๋าของชาวจีน เป็นเทพประจำดวงดาวที่เชื่อว่าคอยคุ้มครองดวงชะตาของผู้คนให้แคล้วคลาด ปลอดภัย […]
การ ถวายสังฆทาน เป็นการทำบุญที่คนไทยเชื่อกันว่าเป็นการทำทานที่ได้บุญมาก เพราะสังฆทานเป็นการถวายทานที่ไม่ระบุเฉพาะว่าเป็นพระสงฆ์รูปใด ผู้ที่ประสงค์จะทำทานจะเตรียมสิ่งของที่จะถวายทาน เมื่อพร้อมแล้วนำไปยังวัด บอกท่านเจ้าอาวาสว่า ต้องการถวายสังฆทาน ท่านจะนิมนต์พระสงฆ์รูปใดมารับสังฆทานก็ได้ หรือจะเตรียมของแล้วนำของไปยังวัด ไปพบพระสงฆ์รูปใดก็แจ้งความจำนงขอถวายสังฆทาน ท่านก็จะทำพิธีรับสังฆทาน หากกำหนดว่าจะถวายแก่พระรูปใดรูปหนึ่ง การทานนั้นก็ไม่เป็น สังฆทาน ถ้าต้องการอุทิศส่วนบุญ ส่วนกุศลให้แก่ผู้ใดผู้ถวายทานก็มักจะบอกหรือเขียนชื่อนามสกุล ให้แก่พระภิกษุ เพื่อท่านจะได้ทำพิธีอุทิศส่วนกุศลไปยังผู้ที่บอกชื่อนั้น ๆ การทำสังฆทานนั้นหากมีกำลังมีปัจจัย ขอแนะนำว่าควรทำให้ครบทั้งปัจจัยสี่ มีอาหารคาวหวานให้ครบถ้วน น้ำสะอาด เครื่องนุ่งห่ม (เครื่องบวช) ยารักษาโรค ที่อยู่อาศัย เพิ่มพระพุทธรูปประจำวันเกิดและหนังสือธรรมะเข้าไปด้วยเพื่อให้จิตใจของเจ้ากรรมนายเวร ช่วยให้เขาใจในรสพระธรรม เพื่อให้เขามีจิตใจที่เย็นสบายพ้นทุกข์ การถวายสังฆทาน คือการทำบุญวิธีหนึ่งที่ได้บุญมากเป็นการอุทิศผลบุญให้กับตนเองหรือผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว ด้วยการถวาย อาหาร น้ำ เครื่องนุ่งห่ม ยารักษาโรค และอื่น ๆ ให้กับพระสงฆ์โดยที่ไม่ระบุเจาะจงว่าเป็นพระสงฆ์รูปใดซึ่งถือเป็นหลักสำคัญของการถวายสังฆทาน กล่าวคือต้องตั้งเจตนาว่าจะถวายของสิ่งนั้นแก่สงฆ์เป็นของกลางหรือเป็นของส่วนรวม ไม่ใช่เฉพาะแก่สงฆ์รูปใดรูปหนึ่งนั่นเอง และถ้าจะให้ดีไม่ควรเจาะจงวัดไหนๆ ทั้งสิ้นด้วย ส่วนคำว่า “สังฆทาน” นั้น แปลตรงตัวว่า ถวายเป็นของสงฆ์ และของที่จะถวายสังฆทานนั้นมี 2 ประเภท คือ ของฉัน (ของกิน) กับ ของใช้ แต่ต้องเป็นของที่ถวายพระแล้วพระใช้ได้โดยไม่ผิดวินัยสงฆ์ด้วย เมื่อทราบกันแล้วว่าสังฆทาน […]
เมื่อเราไปไหว้สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์แน่นอนว่าสิ่งสำคัญที่เราจะต้องมีก็คือ ดอกไม้ ธูป เทียน ซึ่งเป็นวิธีที่ปฏิบัติกันมาตามหลักศาสนา โดยที่หลายๆคนก็ยังไม่รู้ว่าทำไมจึงต้องถวายสิ่งเหล่านี้ และอานิสงส์ผลบุญจากการถวายนั้นคือ ธูป ถือเป็นเครื่องหอมที่จุดเพื่อเป็นสื่อในการส่งคำอธิษฐานจิตของเราไปสู่เบื้องบน เทียน เป็นแสงสว่างนำทางให้ ดอกไม้ เป็นเครื่องหอม ถวายเพื่อให้มีความสุข ความสดชื่น ดอกไม้เป็นตัวแทนของความงดงาม และถูกประเมินค่าให้เป็นสิ่งมีคุณค่า กลายเป็นเครื่องบูชาที่ศาสนาต่าง ๆ เลือกใช้เป็นเครื่องบูชา พระพุทธศาสนาเองก็นิยมใช้ดอกไม้เป็นเครื่องบูชาพระพุทธเจ้า ในคัมภีร์พระพุทธศาสนาเล่าถึง อานิสงส์แห่งการถวายดอกไม้ บูชาพระพุทธเจ้าไว้อย่างน่าสนใจ จึงขอยกมานำเสนอดังนี้ พระจุนทเถระหลังจากบรรลุเป็นพระอรหันต์แล้ว ได้อุทานขึ้นพร้อมเล่าถึงผลบุญที่ส่งผลให้เกิดในสมัยของพระสมณโคดมพุทธเจ้าว่า ครั้งสมัยพระสิทธัตถะพุทธเจ้า ท่านได้นำดอกไม้เข้าไปถวายถึงเบื้องพระพักตร์ของพระผู้มีพระภาคเจ้า ซึ่งประทับอยู่ท่ามกลางหมู่สงฆ์ผู้เป็นพระขีณาสพ พระพุทธเจ้าตรัสขึ้นว่า “ผู้ใดมอบดอกไม้อันมีค่าและมีกลิ่นหอมฟุ้งแก่เรา เราจะพยากรณ์ผู้นั้น ขอท่านทั้งหลายในที่นี้โปรดฟังการพยากรณ์ของเรา ผู้นี้หลังจากสิ้นบุญจากโลกไปแล้วจะไปสู่สรวงสวรรค์ เป็นมิตรกับเหล่าเทพยดา มีวิมานทองคำที่วิจิตรตระการตาด้วยอัญมณี แวดล้อมด้วยบริวารนางฟ้า เสวยทิพยสมบัติเช่นนี้ถึง 74 ชาติ (คือเกิดเป็นเทวดาอย่างต่อเนื่องถึง 74 ชาติ) หลังจากนั้นจะเกิดเป็นพระราชาปกครองแผ่นดินถึง 300 ชาติ จากนั้นจะเกิดเป็นพระมหาจักรพรรดิราชถึง 75 ชาติ เป็นใหญ่กว่ามนุษย์ทั้งปวง มีนามว่า “ทุชชยะ” เป็นเช่นนี้ไม่มีทางไปสู่อบายภูมิ จากนั้นเขาจะเกิดในตระกูลพราหมณ์ เป็นบุตรชายของวังคันตพราหมณ์กับนางสารีพราหมณ์ มีปัญญามาก ต่อมาบวชในศาสนาของพระอังคีรส […]
วันออกพรรษา ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 เป็นสำคัญวันหนึ่งของพระภิกษุสงฆ์ คือ เป็นวันสิ้นสุดการจำพรรษา หรือออกจากพรรษาที่ได้อธิษฐานเข้าจำพรรษาตลอดระยะเวลา 3 เดือน ในวันออกพรรษาในพระไตรปิฎกกล่าวไว้ว่า เป็นวันที่ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จลงจากสววรค์ ชั้นดาวดึงส์มายังโลกมนุษย์ หลังจากที่พระองค์ได้เสด็จไปจำพรรษา และแสดงพระธรรมเทศนา โปรดเทพบุตรพุทธมารดา ซึ่งอยู่สวรรค์ชั้นดุสิต แต่ลงมาฟังพระธรรมเทศนา ที่ชั้นดาวดึงส์ วันออกพรรษา หมายถึงวันที่พ้นจากข้อกำหนดทางพระวินัยที่ต้องอยู่ประจำที่หรือในวัดแห่งเดียวตลอด 3 เดือน ในฤดูฝน กล่าวคือ เมื่อพระภิกษุได้อธิษฐานอยู่จำพรรษาในวันแรม 1 ค่ำ เดือน 8 แล้วอยู่ประจำที่หรือวัดนั้นเรื่อยไป จนสิ้นสุดในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 หลังจากวันออกพรรษาแล้วก็สามารถจาริกไปค้างแรมที่อื่นได้ ประวัติวันออกพรรษา ประวัติวันออกพรรษา มีเหตุการณ์ในพุทธประวัติเล่าว่าพระพุทธเจ้าเสด็จโปรดเทวดาชั้นดาวดึงส์ ผู้เคยมาเกิดเป็นพระนางสิริมหามายา เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จกลับมายังโลกมนุษย์ถึงเมืองสังกัสสะ ชาวบ้านต่างร่วมใจกันเดินทางไปรับเสด็จพระพุทธเจ้า เป็นที่มาของการตักบาตรเทโวโหรณะ และพระพุทธเจ้าทรงแสดงโอวาท เรียกว่า “ไตรโลกวิวรณปาฏิหาริย์” ความสำคัญของวันออกพรรษา เพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์ที่พระพุทธเจ้าเสด็จกลับมาจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ พุทธศาสนิกชนเตรียมอาหารเพื่อถวายพระภิกษุสงฆ์หลังวันออกพรรษา 1 วัน ในวันแรม 1 […]